มนุษย์ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์เรายังใช้ศักยภาพของสมองได้เพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่หนึ่งในวิธีที่จะดึงศักยภาพของสมองให้ใช้ได้เต็มที่มากขึ้นนั้นก็คือการจัดระเบียบความคิดให้เป็นระบบนั่นเอง และมีวิธีหนึ่งที่ถูกใช้กันมาเป็นเวลานานและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้ผลจริง นั่นก็คือเทคนิคที่เรียกว่า Mind Mapping หรือการเขียน Mind Map นั่นเอง ซึ่งการสร้าง Mind Map นี้จะช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดได้อย่างเป็นระบบและช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเป้าหมายต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ลองมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Mind Mapping กันก่อนนะครับ
แต่การทำ Mind Map ก็ยังมีเทคนิคพิเศษของมันเอง วันนี้เรามาเรียนรู้เคล็ดลับวิธีเขียน Mind Map จากมืออาชีพอย่างคุณดำเกิง ไรวา หรือคุณโอ่งผู้เชี่ยวชาญการสอนเรื่องการนำ Mind Map ไปประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะทางด้านการตลาดและการขายกันดีกว่าครับ
คุณดำเกิง ไรวา หรือคุณโอ่ง
ขอคำอธิบายความหมายของ Mind Map สั้นๆ ก่อนเลยครับ
คุณโอ่ง : Mind Map คือ เทคนิคการคิด บันทึก สื่อสาร โดยใช้ภาพ สี เส้น สัญลักษณ์และคำสั้นๆ แทนที่จะจดบันทึกด้วยตัวหนังสือยาว ๆ เขียนเรียงกันไป มีงานวิจัยรองรับแล้วว่า วิธีการคิดแบบนี้ทำให้สมองทำงานด้วยกันทั้งสองซีกได้อย่างดีที่สุด เพราะวิธีการของ Mind Map กระตุ้นให้สมองทั้ง 2 ซีกทำงานประสานกัน มีงานวิจัยระบุว่าทุกวันนี้คนเราใช้ศักยภาพของสมองไม่เกิน 10% แต่เมื่อสมองทั้ง 2 ซีกทำงานประสานกัน จะทำให้ศักยภาพของสมองอีก 90% ที่ยังไม่ถูกใช้นั้นถูกดึงมาใช้มากขึ้น ทำให้มีความจำที่ดีขึ้น เห็นภาพรวมดีขึ้น คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แก้ปัญหา ตัดสินใจ และเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างเป็นระบบมากที่สุด
การเขียน Mind Map นี่ฟังดูมีประโยชน์มาก งั้นเราก็มาเตรียมตัวเริ่มเขียน Mind Map ของเราตามไปด้วยเลยดีกว่าครับ
ขั้นตอนมันควรจะเริ่มอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพที่สุดครับ
คุณโอ่ง : วิธีเขียน Mind Map บน ซัมซุง Galaxy Tab A เริ่มจากอยากได้อะไร (What) ให้เอาใส่ไว้ตรงกลางก่อนเลย เช่น ต้องการลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม จากนั้นให้แตกออกมาเป็นกิ่ง ๆ เริ่มจาก
1. ทำไม (Why) โดยต้องตอบ 2 คำถามหลักๆ นี้ให้ได้
"Why +" คือ ถ้าทำได้สำเร็จจะดีอย่างไร
"Why –" คือถ้าทำได้ไม่สำเร็จจะเกิดผลอย่างไร
2. อย่างไร (How) สามารถแตกออกมาเป็นกิ่งได้ เช่น ในกรณีของการลดน้ำหนัก จะได้เป็น
การออกกำลังกาย ควรจะทำวิธีไหน ออกกำลังกายเมื่อไหร่ ที่ไหน มีขั้นตอนอย่างไร ความถี่แค่ไหน กี่โมงถึงกี่โมง เป็นต้น
เรื่องอาหาร จะทานอะไร จะเลิกทานอะไร ควรจะเพิ่มอะไรและควรจะลดอะไร เป็นต้น
3. ใคร (Who) ให้มองหาว่า
คนไหนที่เคยเจอเหตุการณ์เดียวกันแต่หนักกว่าเราและสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว โดยคนเหล่านี้จะมีประสบการณ์ที่เป็นที่ปรึกษาเราได้ เขามักจะมีเคล็ดลับ มีวิธีการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงแหล่งข้อมูลดีๆ ในการช่วยให้เราแก้ปัญหาได้ ใครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเราตอนนี้ ซึ่งคนเหล่านี้จะช่วยให้กำลังใจ และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้
ทีนี้การเขียน Mind Map ให้ดีมันน่าจะมีเทคนิคยังไงบ้างครับ
คุณโอ่ง : วิธีเขียน Mind Map ที่ดีจะต้องแตกออกไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายกิ่ง และจะสิ้นสุดเมื่อเราสามารถบรรจุมันลงในปฏิทินได้ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเราสามารถสร้าง action plan ได้แล้ว ซึ่งวิธีการหลักๆ ในการสร้างเป้าหมายของเราควรจะอิงกับวิธีการที่เรียกว่า SMART นั่นก็คือ
1. Specific ชัดเจน เฉพาะเจาะจง
2. Measurable วัดผลได้
3. Attainable ทำให้สำเร็จได้
4. Relevant สัมพันธ์เกี่ยวข้อง
5. Time-bound มีระยะเวลาผูกมัดชัดเจน
ซึ่งการทำตามวิธีของ SMART จะช่วยให้เราคิดเป้าหมายได้อย่างจับต้องและวัดผลได้จริง
นอกจากเทคนิคดีๆ นี้แล้ว ยังมีเคล็ดลับพิเศษอะไรอีกหรือเปล่าครับ
คุณโอ่ง: เทคนิคพิเศษมี 2 ข้อหลักๆ เลย
1. ระหว่างที่เขียน สามารถแยกแผ่น แยกมิติได้ เช่น หัวข้อการงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ฯลฯ หรือจะรวมเป็นแผ่นเดียวก็ได้ ซึ่งถ้าแยกแผ่น เป้าหมายก็ยังคงต้องอยู่ตรงกลาง แต่ในการเขียนรวมกันจะมีข้อดีคือเห็นความสัมพันธ์ข้ามกิ่งได้ชัดเจน ทำให้เราวางแผนได้ครอบคลุมขึ้น
2. หลังจากที่เขียนแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ
a. ต้องทบทวนสิ่งที่เขียนบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลาแค่ครั้งละ 2-3 นาที แต่ทุกครั้งที่ทบทวน เราจะได้แรงบันดาลใจ และการลงมือทำกิจกรรมเล็กๆ จะช่วยให้เราค่อยๆ ทำส่วนอื่นๆ ต่อได้ง่ายขึ้น
b. ถ้าเกิดการผิดแผนขึ้น จะได้มีการรับมือและปรับตามความเหมาะสม
c. ให้แชร์เป้าหมายกับคนรอบข้าง ซึ่งการที่เพื่อนๆ หรือคนรอบตัวรู้นั้น เขาจะได้ช่วยให้กำลังใจและสนับสนุนให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เอาล่ะครับ ได้เทคนิคดีๆ เกี่ยวกับ วิธีเขียน Mind Map กันไปแล้ว อย่าลืมลงมือทำ Mind Map ของตัวเองเพื่อช่วยให้เราสามารถพิชิตเป้าหมายของชีวิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกันนะครับ และท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณโอ่ง ดำเกิง ไรวา สำหรับข้อมูลและเทคนิคดีๆ เหล่านี้ด้วยครับ