วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคที่เรียกว่า Mind Mapping หรือการเขียน Mind Map

เทคนิคที่เรียกว่า Mind Mapping หรือการเขียน Mind Map
มนุษย์ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์เรายังใช้ศักยภาพของสมองได้เพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่หนึ่งในวิธีที่จะดึงศักยภาพของสมองให้ใช้ได้เต็มที่มากขึ้นนั้นก็คือการจัดระเบียบความคิดให้เป็นระบบนั่นเอง และมีวิธีหนึ่งที่ถูกใช้กันมาเป็นเวลานานและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้ผลจริง นั่นก็คือเทคนิคที่เรียกว่า Mind Mapping หรือการเขียน Mind Map นั่นเอง ซึ่งการสร้าง Mind Map นี้จะช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดได้อย่างเป็นระบบและช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเป้าหมายต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ลองมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Mind Mapping กันก่อนนะครับ


แต่การทำ Mind Map ก็ยังมีเทคนิคพิเศษของมันเอง วันนี้เรามาเรียนรู้เคล็ดลับวิธีเขียน Mind Map จากมืออาชีพอย่างคุณดำเกิง ไรวา หรือคุณโอ่งผู้เชี่ยวชาญการสอนเรื่องการนำ Mind Map ไปประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะทางด้านการตลาดและการขายกันดีกว่าครับ

คุณดำเกิง ไรวา หรือคุณโอ่ง

ขอคำอธิบายความหมายของ Mind Map สั้นๆ ก่อนเลยครับ
คุณโอ่ง :
Mind Map คือ เทคนิคการคิด บันทึก สื่อสาร โดยใช้ภาพ สี เส้น สัญลักษณ์และคำสั้นๆ แทนที่จะจดบันทึกด้วยตัวหนังสือยาว ๆ เขียนเรียงกันไป มีงานวิจัยรองรับแล้วว่า วิธีการคิดแบบนี้ทำให้สมองทำงานด้วยกันทั้งสองซีกได้อย่างดีที่สุด เพราะวิธีการของ Mind Map กระตุ้นให้สมองทั้ง 2 ซีกทำงานประสานกัน มีงานวิจัยระบุว่าทุกวันนี้คนเราใช้ศักยภาพของสมองไม่เกิน 10% แต่เมื่อสมองทั้ง 2 ซีกทำงานประสานกัน จะทำให้ศักยภาพของสมองอีก 90% ที่ยังไม่ถูกใช้นั้นถูกดึงมาใช้มากขึ้น ทำให้มีความจำที่ดีขึ้น เห็นภาพรวมดีขึ้น คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แก้ปัญหา ตัดสินใจ และเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างเป็นระบบมากที่สุด

การเขียน Mind Map นี่ฟังดูมีประโยชน์มาก งั้นเราก็มาเตรียมตัวเริ่มเขียน Mind Map ของเราตามไปด้วยเลยดีกว่าครับ


ขั้นตอนมันควรจะเริ่มอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพที่สุดครับ
คุณโอ่ง : วิธีเขียน Mind Map บน ซัมซุง Galaxy Tab A เริ่มจากอยากได้อะไร (What) ให้เอาใส่ไว้ตรงกลางก่อนเลย เช่น ต้องการลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม จากนั้นให้แตกออกมาเป็นกิ่ง ๆ เริ่มจาก

1. ทำไม (Why) โดยต้องตอบ 2 คำถามหลักๆ นี้ให้ได้
"Why +" คือ ถ้าทำได้สำเร็จจะดีอย่างไร
"Why –" คือถ้าทำได้ไม่สำเร็จจะเกิดผลอย่างไร

2. อย่างไร (How) สามารถแตกออกมาเป็นกิ่งได้ เช่น ในกรณีของการลดน้ำหนัก จะได้เป็น
การออกกำลังกาย ควรจะทำวิธีไหน ออกกำลังกายเมื่อไหร่ ที่ไหน มีขั้นตอนอย่างไร ความถี่แค่ไหน กี่โมงถึงกี่โมง เป็นต้น
เรื่องอาหาร จะทานอะไร จะเลิกทานอะไร ควรจะเพิ่มอะไรและควรจะลดอะไร เป็นต้น

3. ใคร (Who) ให้มองหาว่า
คนไหนที่เคยเจอเหตุการณ์เดียวกันแต่หนักกว่าเราและสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว โดยคนเหล่านี้จะมีประสบการณ์ที่เป็นที่ปรึกษาเราได้ เขามักจะมีเคล็ดลับ มีวิธีการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงแหล่งข้อมูลดีๆ ในการช่วยให้เราแก้ปัญหาได้ ใครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเราตอนนี้ ซึ่งคนเหล่านี้จะช่วยให้กำลังใจ และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้

ทีนี้การเขียน Mind Map ให้ดีมันน่าจะมีเทคนิคยังไงบ้างครับ

คุณโอ่ง : วิธีเขียน Mind Map ที่ดีจะต้องแตกออกไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายกิ่ง และจะสิ้นสุดเมื่อเราสามารถบรรจุมันลงในปฏิทินได้ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเราสามารถสร้าง action plan ได้แล้ว ซึ่งวิธีการหลักๆ ในการสร้างเป้าหมายของเราควรจะอิงกับวิธีการที่เรียกว่า SMART นั่นก็คือ

1. Specific ชัดเจน เฉพาะเจาะจง
2. Measurable วัดผลได้
3. Attainable ทำให้สำเร็จได้
4. Relevant สัมพันธ์เกี่ยวข้อง
5. Time-bound มีระยะเวลาผูกมัดชัดเจน

ซึ่งการทำตามวิธีของ SMART จะช่วยให้เราคิดเป้าหมายได้อย่างจับต้องและวัดผลได้จริง


นอกจากเทคนิคดีๆ นี้แล้ว ยังมีเคล็ดลับพิเศษอะไรอีกหรือเปล่าครับ

คุณโอ่ง: เทคนิคพิเศษมี 2 ข้อหลักๆ เลย

1. ระหว่างที่เขียน สามารถแยกแผ่น แยกมิติได้ เช่น หัวข้อการงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ฯลฯ หรือจะรวมเป็นแผ่นเดียวก็ได้ ซึ่งถ้าแยกแผ่น เป้าหมายก็ยังคงต้องอยู่ตรงกลาง แต่ในการเขียนรวมกันจะมีข้อดีคือเห็นความสัมพันธ์ข้ามกิ่งได้ชัดเจน ทำให้เราวางแผนได้ครอบคลุมขึ้น

2. หลังจากที่เขียนแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ
a. ต้องทบทวนสิ่งที่เขียนบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลาแค่ครั้งละ 2-3 นาที แต่ทุกครั้งที่ทบทวน เราจะได้แรงบันดาลใจ และการลงมือทำกิจกรรมเล็กๆ จะช่วยให้เราค่อยๆ ทำส่วนอื่นๆ ต่อได้ง่ายขึ้น
b. ถ้าเกิดการผิดแผนขึ้น จะได้มีการรับมือและปรับตามความเหมาะสม
c. ให้แชร์เป้าหมายกับคนรอบข้าง ซึ่งการที่เพื่อนๆ หรือคนรอบตัวรู้นั้น เขาจะได้ช่วยให้กำลังใจและสนับสนุนให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เอาล่ะครับ ได้เทคนิคดีๆ เกี่ยวกับ วิธีเขียน Mind Map กันไปแล้ว อย่าลืมลงมือทำ Mind Map ของตัวเองเพื่อช่วยให้เราสามารถพิชิตเป้าหมายของชีวิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกันนะครับ และท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณโอ่ง ดำเกิง ไรวา สำหรับข้อมูลและเทคนิคดีๆ เหล่านี้ด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Samsung ร่วมกับ AIS เปิดตัวสมาร์ทโฟน S6 และ S6 Edge

เมื่อช่วงเช้าวันที่ (15 มิถุนายน) Samsung ได้จัดงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 พร้อมทั้งเปิดตัว Samsung Galaxy S6 edge แบบวงในสุดๆกับ AIS เพื่อส่งต่อนวัตกรรมล้ำเทรนด์สำหรับสมาร์ทโฟน และสร้างประสบการณ์เทคโนโลยี แห่งอนาคตที่สัมผัสได้จริง ซึ่ง Samsung Galaxy S6 และ Galaxy s6 edge AIS ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Samsung AIS ที่พลิกโฉมทุกนวัตกรรม ตอบโจทย์ด้วยดีไซน์สวยล้ำ กล้องเทพทรงพลัง และสุดยอดการชาร์ตแบตเร็ว

ภายใน
งานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge AIS ได้เนรมิตขึ้นภายใต้แนวคิด "NEXT IS NOW" ซึ่งเป็นการบอกเล่าว่า Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edgeเข้าใจคนรุ่นใหม่ว่า พวกเขาอดทนตั้งใจจริงและทุ่มเทเต็มที่กับสิ่งที่ชอบ กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะแตกต่างไม่ซ้ำใคร เช่นเดียวกับ Samsung ที่ทุ่มเทพัฒนาสมาร์ทโฟนอย่าง ไม่หยุดยั้ง เพื่อนำนวัตกรรมจากอนาคต Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge AIS มาสู่มือคุณในวันนี้ โดยมี คุณวิณีนาถ ธรรมวะณิชพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย กลุ่มลูกค้าโทรคมนาคม บริษัทไทยซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ จำกัด เป็นผู้กล่าวเปิดงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 edge ลำดับต่อมามีการเปิด VDO Presentation ของ Samsung Galaxy S6 เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมอยากรู้จัก และสัมผัส Samsung Galaxy S6 มากขึ้น


บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเป็นกันเอง สนุก เร้าใจ เมื่อ คุณรุ่งโรจน์ ศิริพรมงคล
Solution Engineer บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด วิทยากรคนเก่ง ขึ้นมาเล่าข้อมูลของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge AIS ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การใช้งาน รวมไปถึงการป้องกัน ความปลอดภัยของเครื่องและข้อมูลส่วนตัว (Samsung Knox) พร้อมทั้งสาธิตการใช้งานจริง

ซึ่งงานนี้ผู้ชมสนุกสนาน นั่งไม่ติดกับที่ เมื่อรู้ว่า งานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 นั้นอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ เข้าใจคนรุ่นใหม่จริงๆ อาทิ ใช้โลหะชั้นเลิศและกระจกชนิดที่ แข็งแรงที่สุดในโลก "Corning® Gorilla Glass® 4" กล้องถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ภาพสวยอย่างเหลือเชื่อ เพราะใช้เลนส์ที่มีรูรับแสง F1.9 หรือแม้แต่มีสุดยอดเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบรวดเร็ว ชาร์จเพียงแค่ 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมงเต็ม!


นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ Samsung galaxy s6 edge

ยังมีการเล่นเกมถาม-ตอบ แจก
Car Charger จำนวน 10 ชิ้น และทำข้อสอบ แจกบัตร Starbucks card จำนวน 2 รางวัล โดยนำข้อมูลที่ คุณรุ่งโรจน์ ศิริพรมงคล ได้บอกเล่าถึง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Knox มาตั้งเป็นคำถาม ซึ่งสร้างความสนุกได้ไม่น้อย และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งงานก็จบลงไปพร้อมเสียงตอบรับฮือฮา สนุกสนาน เป็นกันเอง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ โรงแรม Intercontinental Bangkok